วันนี้ทางเว็บไซต์เราจะขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักโครงการ “คลินิกแก้หนี้” กันครับ ในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ประชาชนหลายคนได้รับผลกระทบเป็กนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ จนรวมไปถึงธุรกิจขนาดเล็กและประชานคนรากหญ้าหรือชนชั้นแรงงาน ต่างก็ได้รับผลกระทบที่ไม่ต่างกัน บางธุรกิจถึงกับต้องปิดกิจการลงเพราะประคองกิจการต่อไปไม่ไหว ลูกจ้างพากันตกงานขาดรายได้ ไม่มีกำลังที่จะชำระหนี้ ทั้งหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้บัตรเครดิต ซึ่งวันนี้ทางเว็บไซต์จึงขอนำเสนอเรื่องราวความหน้าสนใจของ คลินิกแก้หนี้ เพื่อเป็นตัวเลือกในการหาทางออกให้กับหนี้สินต่างๆ เรามาติดตามอ่านรายระเอียดเพิ่มเติมด้านร่างกันต่อเลยครับ
ด้วยเหตุนี้จึงเกิด โครงการคลินิกแก้หนี้ อันเกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มของ “ธนาคารแห่งประเทศไทย” ด้วยความร่วมมือจากสมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารเจ้าหนี้ให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างครบวงจร
โดยมีธนาคารเจ้าหนี้ 16 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ มอบหมายให้ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เป็นหน่วยงานกลางที่เชื่อมโยงระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ทุกราย ควบคู่กับการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการวางแผนและวินัยทางการเงินที่ดี เพื่อสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง การลดค่าใช้จ่ายที่ ฟุ่มเฟือย และเพื่อสร้างเสริมสุขภาพทางการเงินที่ดีให้แก่คนรุ่นใหม่ในปัจุบัน และเพื่อเป็นการนำไปสู่การลดปัญหาหนี้ครัวเรือนทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยปัจจุบัน โครงการคลินิกแก้หนี้เดินหน้าเข้าสู่ “ระยะที่ 3” โดยได้ขยายขอบเขตให้สามารถแก้ไขหนี้บัตรที่มีเจ้าหนี้รายเดียว และหนี้บัตรที่อยู่ในกระบวนการของศาลและมีคำพิพากษาแล้ว รวมทั้งปรับปรุงคุณสมบัติผู้เข้าโครงการจากเดิมต้องมีหนี้บัตรที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2562 มาเป็นวันที่ 1 มกราคม 2563 และปรับเงื่อนไขจากเป็นหนี้เสีย (NPL) ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 มาเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เมื่อช่วงปลายปี
โดยในปัจจุบัน(2564)โครงการคลินิกแก้หนี้ ได้ปรับปรุงคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการจากเดิมต้องมีหนี้บัตรที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 มาเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
รายระเอียดและขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้มีดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
ขั้นตอนที่ 2 กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มใบสมัคร
ขั้นตอนที่ 3 จัดเตรียมเอกสารประกอบการเข้าร่วมโครงการ
เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้
- ใบสมัครเข้าร่วมโครงการ
- รายงานเครดิตบูโร
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- เอกสารแสดงรายได้ (แยกตามกรณี)
พนักงานประจำ ใช้สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 1 เดือน
อาชีพอิสระ รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 3 เดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ (ตามแบบฟอร์มแนบท้ายใบสมัคร)
ขั้นตอนที่ 4 ส่งเอกสารมาที่ ตู้ปณ. 40 ปณฝ.ซันทาวเวอร์ส กรุงเทพฯ 10905 (แนะนำส่งผ่านไปรษณีย์ไทย เพื่อสามารถตรวจสอบการจัดส่งและป้องกันการสูญหายของเอกสาร)คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการคลีนิกแก้หนี้ มีดังนี้
เป็นบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ อายุไม่เกิน 70 ปี
เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มี หลักประกันของสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ
เป็นหนี้เสีย (NPL) ก่อน 1 ก.พ. 64*
หนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท *ตามรายงานเครดิตบูโร ณ เดือน ม.ค. 64 ต้องมีสถานะค้างชำระ 91-120 วันขึ้นไป
ประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการคลีนิกแก้หนี้
- ไม่ต้องกังวนจากถูกทวงถามจากเจ้าหนี้หลายราย
- แก้ไขรวมหนี้หลายที่ ไว้ที่เดียว (จ่ายครบจบที่เดียว)
- ทำสัญญาแก้หนี้เพียงฉบับเดียว
- ผ่อนได้ยาว ดอกเบี้ยผ่อนปรน
- ไม่ต้องก่อหนี้เพิ่ม ไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบ
ทานใดมีจุดประสงค์เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้สามารถสมัครได้ที่ www.debtclinicbysam.com
ข้อมูล คลีนิกแก้หนี้